โดยทีมงานเอ็นเทรนนิ่ง 10 กันยายน 2561 2,749 0
หน้าแรก / ห้องสมุดเอ็นเทรนนิ่ง / บทความหมวด สุขภาพกับการทำงาน / คนในกระจกเงา
10 ก.ย. 2561 อ่าน 2,774 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
10 ก.ย. 2561 อ่าน 2,431 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
10 ก.ย. 2561 อ่าน 2,372 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
11 ก.ย. 2561 อ่าน 2,195 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
11 ก.ย. 2561 อ่าน 2,220 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
11 ก.ย. 2561 อ่าน 2,396 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
คุณเคยอยากรู้กันบ้างไหมว่า
สุขภาพของเราเองในขณะนี้นั้นเป็นอย่างไร เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสุขภาพของเราในขณะนี้นั้นอยู่ในสภาวะปกติดี จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีโรคภัยอะไรเตรียมมาโบกมือทักทายเราในอนาคตอันใกล้นี้ หนึ่งในกระบวนการแสวงหาเป้าหมายทางสุขภาพของตัวเราเองนั้น คือการรับรู้เสียก่อนว่า ขณะนี้เราเริ่มต้นที่ใด เมือเรารู้จุดเริ่มต้นและเป้าหมายของเราแล้ว เราเองก็จะมองเห็นเส้นทางที่จะเชื่อมต่อระหว่างจุดสองจุดนั้น
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร
เอาง่ายๆ ว่า หลังตื่นเช้ามา เราเคยมองตัวเองในกระจกเงาบ้างไหม เคยให้เวลากับการ ”ดู” และ ”แล” ตัวเองบ้างหรือเปล่า หลังจากยืนพิจารณาถึงภาพของตัวเราเองที่สะท้อนในกระจกแล้ว มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางทรุดโทรมหรือผิดปกติก่อนวัยอันควรบ้างหรือไม่ คุณสามารถภาคภูมิใจกับสภาพร่างกายของตัวเองเมื่อเทียบกับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งในการเปรียบเทียบควรเปรียบเทียบกับคนที่ดูดีที่สุดในวัยเดียวกับเรา เป็นการมองหาบุคคลต้นแบบหรือไอด้อล เพื่อที่เราจะได้เป็นแบบเขา ไม่ใช่ไปเปรียบเทียบกับคนที่แย่กว่า แล้วเอามาเป็นข้ออ้างแบบผิดๆ เพื่อปลอบใจตัวเองไปวันๆ
แล้วคุณจะรู้ว่าจริงๆ แล้วคุณยังสามารถดูแลร่างกายนี้ให้ดีกว่านี้ได้ดีขึ้นอีกมากน้อยแค่ไหน
ยิ่งคุณยังสามารถภาคภูมิใจกับความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกายตัวคุณเอง และรักในตัวคุณเองได้มากขึ้นเท่าไหร่ คุณก็จะให้ความใส่ใจกับสุขภาพของตัวเองได้ดีขึ้นเท่านั้น เพราะเป็นการสร้างแรงจูงใจเชิงบวกให้กับตัวเราเอง
ดังนั้นก่อนที่จะตื่นมาแล้วรีบๆ อาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน เราควรหันมาใส่ใจกับคนที่เราควรรักและดูแลมากที่สุดอีกคนหนึ่ง คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับกระจกเงาบานนั้นบ้าง
บางคนบอกว่าสุขภาพปกติดี แข็งแรงไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วยอะไรเลย จึงไม่เคยย่างกายไปเหยียบโรงพยาบาลมาหลายปีแล้วเพราะความมั่นใจในสุขภาพของตนเอง จนลืมแม้กระทั่งหลงลืมการตรวจสุขภาพร่างกายประจำปี แม้หลายๆ องค์กรจะมีบริการตรวจสุขภาพประจำปีฟรี มีการรณรงค์กันแทบทุกปี แต่คงแทบไม่มีองค์กรใดที่ยอดตรวจสุขภาพร่างกายของพนักงานจะเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
หลายๆ คนไม่ตรวจเพราะมีภาระงาน จนบอกตัวเองว่ายุ่งไม่มีเวลา ซึ่งหมายความว่าคุณกำลังรักงานมากกว่าตัวคุณเอง
หลายๆ คนไม่ตรวจเพราะมั่นใจในตัวเอง มั่นใจในอายุ มั่นใจในการออกกำลังกาย มั่นใจในอาหารเสริมทั้งหลายแหล่ที่รับประทานอยู่ ซึ่งหมายความว่าคุณกำลังอยู่บนเส้นทางของความประมาท เพราะจริงๆ แล้วโรคทางความคิดและพฤติกรรมนั้น ส่วนใหญ่ไม่มีอาการแสดงอะไรเลย เปรียเสมือนคุณถือระเบิดเวลาอยู่ในมือโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง
ซ้ำร้ายหลายๆ คนไม่ตรวจเพราะไม่มั่นใจในตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองดูแลสุขภาพตัวเองยังไม่ดี พยายามผลัดผ่อนออกไปอีกสักปี แล้วไม่ใช่ว่าปีหน้าจะตรวจนะครับ เมื่อถึงปีหน้าค่อยผลัดออกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีอาการผิดปกติอะไรสำแดงฤทธิ์เดชออกมา ซึ่งถึงตอนนั้นหลายๆ หมอก็ต้องขอแสดงความเสียใจด้วย เพราะหลายๆ คนก็ไม่มีโอกาสได้แก้มืออีกต่อไป
หากเราให้เวลากับตัวเองมากขึ้นอีกสักนิด รู้จักให้เวลาในการสนใจสภาพความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตัวเราเอง และให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพ เบื้องต้นเพียงเท่านี้ เราก็จะสามารถรู้จุดเริ่มต้นทางสุขภาพที่เรายืนอยู่
10 ก.ย. 2561 อ่าน 2,774 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
10 ก.ย. 2561 อ่าน 2,431 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
10 ก.ย. 2561 อ่าน 2,372 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
11 ก.ย. 2561 อ่าน 2,195 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
11 ก.ย. 2561 อ่าน 2,220 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
11 ก.ย. 2561 อ่าน 2,396 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
หมวด Management and Productivity อ่าน 9,057
หมวด Advance Leadership อ่าน 2,242
หมวด Sales and Marketing อ่าน 6,091
หมวด Sales and Marketing อ่าน 4,462
หมวด Management and Productivity อ่าน 8,032
หมวด Management and Productivity อ่าน 7,889
หมวด Thinking อ่าน 7,073