โดยทีมงานเอ็นเทรนนิ่ง 22 พฤษภาคม 2556 1,556 0
หน้าแรก / ห้องสมุดเอ็นเทรนนิ่ง / บทความร่วมเดินทางด้วยกัน / ร่วมเดินทางด้วยกัน ตอนที่ 3
22 มิ.ย. 2556 อ่าน 892 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
24 ก.ค. 2556 อ่าน 855 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
22 ส.ค. 2556 อ่าน 1,166 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
20 ก.ย. 2556 อ่าน 994 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
22 ต.ค. 2556 อ่าน 945 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
24 ธ.ค. 2556 อ่าน 1,744 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
ความสำเร็จสามารถเกิดได้จากการที่คนเราสามารถมองเห็นจุดหมายปลายทางนั้นๆ ว่า “ลงมือทำไปแล้ว” จะประสบความสำเร็จได้หรือไม่ประสบความสำเร็จ
และ
ความสำเร็จสามารถเกิดได้จากการที่คนเราไม่สามารถมองเห็นจุดหมายปลายทางนั้นๆ เลยว่า “ลงมือทำไปแล้ว” จะประสบความสำเร็จหรือไม่ประสบความสำเร็จ
กับคำถามที่ว่า “จำเป็นแค่ไหนที่เราจะต้องมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ตลอด” ผมอยากให้คุณลองปิดไฟภายในห้องนอนของคุณเองดูสิครับ จากนั้น ลองเดินไปมาภายในห้องนอนของคุณเอง ลองหยิบจับสิ่งของต่างๆภายในห้องที่คุณวางไว้ ลองทำธุระกรรมต่างๆเหมือนที่คุณได้ทำอยู่เป็นประจำ
เป็นไงบ้างครับ “การเดินเหินเคลื่อนไหวหยิบจับของคุณมีติดขัดอะไรบ้างไหม” สิ่งของต่างๆภายในห้องทุกอย่างยังคงวางไว้เหมือนเดิม ทางเดินภายในห้องก็เหมือนเดิม สิ่งที่ต่างไปก็คือ “คุณแค่มองไม่เห็น”
ทั้งผมและคุณ เราลองมาร่วมเดินทางด้วยกันในความมืดกันดูซักระยะสิครับ เดินทางในที่ที่เราคุ้นเคยกับพื้นที่นี้อยู่ทุกวัน แต่แค่เพียงเราหลับตาเท่านั้น พื้นที่นี้ก็ดูเหมือนจะกลายเป็นสิ่งที่เรากลับไม่เคยคุ้นกับมันมาก่อนเลย ความหมายของผมได้หมายรวมถึงคน สัตว์ สิ่งของ พื้นที่ และทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัว
ผมมีคำถามเพิ่มเติม “ทุกครั้งที่คุณลืมตาคุยกับเพื่อน กับ ทุกครั้งที่คุณหลับตาคุยกับเพื่อน” ความคิดความรู้สึกของคุณ แตกต่างกันไหม ติดขัดอะไรบ้างไหม อึดอัดอะไรบ้างไหม มีคิดไปเองรู้สึกไปเองบ้างไหม ระหว่างการลืมตากับการหลับตา ผมเองคงจะไม่บอกหรอกว่า “การมองเห็นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด หรือการมองไม่เห็นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย” แต่คำตอบ ณ เวลานี้ ได้อยู่ที่คุณแล้วเมื่อคุณได้ลองลืมตาคุยกับเพื่อนและหลับตาคุยกับเพื่อน และคำถามนี้เองที่คุณสามารถนำไปใช้ได้กับเพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง หัวหน้า ลูกค้า คุณจะพบสิ่งที่คุณอาจไม่เคยพบมาก่อนระหว่างที่คุณลืมตาและหลับตา
คนส่วนใหญ่ยึดติดอยู่กับสิ่งที่มองเห็นด้วยสายตามากจนเกินไป ทั้งๆ ที่ไม่ว่าเราจะลืมตาหรือหลับตา สิ่งๆ นั้นมันก็ยังคงอยู่ที่เดิมเหมือนเดิม การลืมตามองทำให้เราเห็นสิ่งของสิ่งเดียวกันแตกต่างไปจากการหลับตามอง กับเรื่องของการทำงานก็เช่นกัน เราใช้สายตามองสิ่งที่เรามองเห็นจากทุกสิ่งที่เกี่ยวกับการทำงานมากเกินไป มากซะจนเรามองไม่เห็นบางสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในด้านที่สายตาของเรานั้นมองเห็น แต่อีกนัยหนึ่ง การหลับตามองสามารถที่จะช่วยให้มองเห็นในด้านที่สายตาของคนเราไม่สามารถมองเห็นได้
ความล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วนที่ผ่านมาเกิดจากการที่ผมตั้งใจมองด้วยสายตาของตัวเองมากจนเกินไป ยึดติดกับสิ่งที่เห็นสิ่งที่เป็นมากจนเกินไป ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่เป็นอยู่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ผมเห็นอยู่ก็เป็นได้ และความเป็นจริงอีกเช่นกัน คนส่วนใหญ่แม้จะรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะนำไปปฎิบัติใช้ได้ เพราะคนส่วนใหญ่ก็ยังยึดติดกับสิ่งที่มองเห็นในด้านที่สิ่งๆนั้นหันมาให้เสมอ หลายต่อหลายครั้งกับการที่เราจะประสบความสำเร็จกับเรื่องอะไรซักอย่างนั้น ไม่ได้หมายว่าเราจะต้องมองเห็นเสมอไป หลายต่อหลายครั้งที่การไม่เห็นถึงจุดหมายปลายทางเลย ก็ทำให้เราเดินทางสู่ความสำเร็จได้ง่ายดายกว่าการมองเห็นซะอีก
แน่นอนครับว่าการเดินทางของผมและคุณยังอีกยาวไกล ความสำเร็จเกิดได้จากความเข้าใจในสิ่งที่เรามองเห็นและมองไม่เห็น และพร้อมที่จะมุ่งหน้าไปหาสิ่งๆนั้น ในตอนหน้าผมจะชวนคุณร่วมเดินทางกันต่อไปในความมืดมิด ซึ่งความกลัวมักก่อเกิดขึ้นมาเสมอเมื่อความมืดมิดได้มาเยือน
22 มิ.ย. 2556 อ่าน 892 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
24 ก.ค. 2556 อ่าน 855 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
22 ส.ค. 2556 อ่าน 1,166 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
20 ก.ย. 2556 อ่าน 994 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
22 ต.ค. 2556 อ่าน 945 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
24 ธ.ค. 2556 อ่าน 1,744 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
หมวด Coaching อ่าน 2,882
หมวด Coaching อ่าน 3,820
หมวด Leadership อ่าน 20,195
หมวด หลักสูตรเฉพาะวิทยากร (Other) อ่าน 6,882
หมวด หลักสูตรเฉพาะวิทยากร (Other) อ่าน 4,743
หมวด Sales and Marketing อ่าน 3,311
หมวด Softskill อ่าน 3,234
หมวด Thinking อ่าน 3,676