การคิดแบบขยาย (Divergent Thinking) V.S. การคิดแบบบรรจบ (Convergent Thinking)

  กระบวนการออกแบบ (Design Process) ควรใช้ 2 แนวความคิดนี้ร่วมกัน จึงจะเกิดผลลัพธ์ที่ดี …ถึงแม้ 2 แนวคิดนี้จะเป็น แนวความคิดคนละแบบคนละด้าน แต่หากสามารถนำมาใช้ร่วมกันได้ดี ก็จะเกิด “นวัตกรรมใหม่ๆ (Innovation)” ที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง

  การคิดแบบขยาย (Divergent Thinking) เป็นกระบวนการคิดในการสร้างไอเดียสร้างสรรค์ต่างๆ โดยมองหาความเป็นไปได้ของแนวทางที่หลากหลาย อย่างไม่มีข้อจำกัดใดๆ มองแบบองค์รวมให้รอบด้านมากที่สุด ใช้สัญชาตญาณมากกว่าเหตุผล สังเคราะห์เรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆ โดยไม่ตัดสินใจ เพื่อให้มีทางออกที่มากที่สุด

   การคิดแบบบรรจบ (Convergent Thinking) เป็นหลักการคิดที่ต้องการคำตอบที่ถูกต้องกับสิ่งที่จะลงมือปฏิบัติ และสามารถตอบโจทย์ได้อย่างชัดเจน โดยนำแนวความคิดหลากหลาย แนวทางหลากหลาย เครื่องมือหลากหลาย มาวิเคราะห์แล้วคัดเลือกให้เหลือแนวทางที่ดีที่สุด เพื่อให้เกิดผลลัพธ์สอดคล้องกับเป้าหมายที่ตั้งใจไว้

  การนำแนวความคิดทั้ง 2 แบบนี้มาใช้ผสมผสานกัน เปรียบเสมือนกับการทำกระบวนการ Design Thinking อีกลักษณะหนึ่ง เพียงแต่ต้องใช้ Divergent Thinking และ Convergent Thinking 2 รอบดังนี้ครับ
      • Empathize User…..ใช้หลักการ Divergent Thinking ไม่สรุปข้อมูลที่ได้รับ
      • Define POV ของ User…..ใช้หลักการ Convergent Thinking ให้ชัดเจน
      • Ideate Solution ให้ User…..ใช้หลักการ Divergent Thinking ให้ได้ไอเดียมากๆใหม่ๆ
      • Prototype & Test โดยให้ User ทดสอบ.....ใช้หลักการ Convergent Thinking ให้เกิดชิ้นงานเฉพาะเจาะจง

     แนวความคิดที่ดูเหมือนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง.....หากเลือกนำมาใช้ให้สอดคล้องกับจุดประสงค์และจังหวะต่างๆ ได้อย่างดีแล้ว ย่อมกลายเป็นแนวความคิดที่เสริมสร้างซึ่งกันและกันได้เลยครับ
หากใช้แนวความคิดใดเพียงความคิดเดียวไปตลอดทั้งกระบวนการ…ผลลัพธ์ที่ได้อาจเกิดประสิทธิผลเท่าที่ควรครับ