การฟัง พลังมหัศจรรย์การบริหารทีมงาน

บริหารท่านหนึ่งเดินมาคุยให้ฟังว่าตัวเขาเกือบที่จะตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา หลังจากสอบถามกันทราบว่ามีพนักงานเข้าใหม่คนหนึ่งที่ย้ายมาจากบริษัทคู่แข่งขัน และเป็นคนที่ทำงานรวดเร็ว กล้าตัดสินใจ มีประสบการณ์การทำงานในงานที่รับผิดชอบอยู่ (เป็นงานที่คล้ายกับงานที่น้องเคยทำมาก่อน) ที่มาที่ไปของเหตุการณ์คือ ผู้จัดการของพนักงานใหม่ได้มาบอกกับผู้บริหารท่านนี้ว่าน้องพนักงานใหม่ไปคุยกับคนอื่นหลายแผนก ว่าอยากจะขอย้ายหน่วยงานเพราะทำงานแล้วไม่มีความสุข ไม่มีคนดูแล ทำงานแล้วมีแต่ความลำบาก ไม่สนุก แถมยังต้องทำงานในวันหยุดตัวเอง จนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน จะเอาอย่างไรกับน้องคนนี้ดี

ผู้บริหารท่านนี้ได้ยินผู้จัดการเล่าถึงน้องพนักงานใหม่คนนี้ก็เกิดความรู้สึกโกรธทันที และนึกในใจว่านี่เพิ่งมาทำงานได้ไม่นานยังไม่พ้นช่วงทดลองงานเลย ยังออกฤทธิ์ได้ขนาดนี้ หากนานไปคงเอาไม่อยู่ พร้อมกับสั่งการให้ทางผู้จัดการนัดหมายประชุมกับน้องพนักงานใหม่คนนี้ทันที ภายในสามวัน เพื่อจัดการให้เรียบร้อย และคิดในใจว่าหากคุยไม่รู้เรื่องคงตัดสินใจไม่ให้พ้นทดลองงาน

เมื่อถึงวันนัดหมายที่มาประชุมกัน โดยมีผู้เข้าร่วมพูดคุยสามคน ทั้งตัวผู้บริหาร/ผู้จัดการ/น้องพนักงานใหม่ ทางผู้บริหารท่านนี้ที่ยังมีความโกรธอยู่ ได้บอกให้ผู้จัดการเริ่มได้เลย ทางผู้จัดการก็บอกว่าได้คุยกันเบื้องต้นกับน้องมาบ้างแล้ว และบอกให้น้องเล่าให้ฟังว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ทางผู้บริหารเองยังมีความคิดเชิงลบอยู่ แต่ก็คิดในใจว่าควรที่จะรับฟังจากน้องเองโดยตรงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น จึงได้บอกกับน้องว่าลองเล่าให้ฟังหน่อยว่าเป็นอย่างไรจึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาได้

น้องพนักงานใหม่ได้เล่าให้ฟังว่า :
น้องได้ยินทางผู้จัดการมาบอกว่าน้องขอย้ายหน่วยงาน เพราะไม่อยากทำงานที่นี่แล้ว ก็รู้สึกตกใจมาก 
น้องได้ไปคุยกับหน่วยงานอื่นจริง แต่เป็นเพียงการพูดคุยถึงลักษณะงานและหน้าที่รับผิดชอบของหน่วยงานนั้น ไม่มีการตอบรับหรือร้องขอโอนย้ายหน่วยงานแต่อย่างใด 
น้องคิดว่างานที่ทำอยู่ในปัจจุบัน น้องรู้สึกสนุกและพร้อมที่จะเรียนรู้เพิ่มเติม พร้อมทั้งกำลังปรับปรุงพัฒนาตนเองให้ปฏิบัติงานให้ดีขึ้น 
น้องเต็มใจที่จะทำงานในวันหยุด เพราะทราบว่าสามารถไปสลับวันหยุดในวันอื่นแทนได้ 
ตัวน้องเอง ในช่วงที่ผ่านมายอมรับว่ามีความรู้สึกที่ไม่เข้าใจในตัวผู้บริหารจริง แต่จำได้ดีว่าทางผู้บริหารให้คำแนะนำว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคนอื่นได้ และเราสามารถเปลี่ยนแปลงตนเองได้ง่ายกว่า น้องจึงทำการปรับตัวเองให้เข้ากับคนอื่นแทน 
น้องบอกว่าจากการทำงานร่วมกันที่ผ่านมา มองเห็นว่าหากน้องทำงานอย่างเต็มที่และทำเกินความคาดหวังของผู้บริหาร ทางผู้บริหารจะให้ความไว้ใจ และไม่มากดดันหรือจุกจิกแต่อย่างใด ทำให้น้องมีความรู้สึกดีขึ้นกับการทำงานร่วมกัน

เมื่อผู้บริหารเปิดโอกาสให้น้องพนักงานใหม่ได้พูดในสิ่งที่ตนเองอยากพูดทั้งหมด โดยไม่แสดงอาการไม่อยากฟัง หรือขัดในขณะที่น้องพูด พร้อมรับฟังอย่างตั้งใจเพื่อรับรู้ถึงความคิดของน้อง ทำให้ทราบถึงความรู้สึกและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น จึงบอกกับน้องว่าขอให้น้องทำงานตามสไตล์ของตัวน้องเองไปเหมือนเดิม และถามน้องว่าน้องจะทำอย่างไรต่อไป 

น้องบอกว่าน้องจะทำงานอย่างเต็มที่ รวมทั้งทำการวางแผน/ลงมือทำ/ตรวจสอบ ปรับปรุง/แก้ไข เพื่อให้ทางผู้จัดการมีความเชื่อมั่นในตัวของน้องเองว่าจะปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถและบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ร่วมกันได้ 

เมื่อผู้บริหารได้ฟังก็รู้สึกสบายใจ พร้อมกับถามน้องว่าต้องการการสนับสนุนใดจากทางผู้บริหารหรือไม่ น้องตอบว่าไม่มี และบอกว่าต่อจากนี้หากน้องมีอะไรที่ไม่เข้าใจ จะมาสอบถามทางผู้จัดการ/ผู้บริหาร โดยตรง ไม่ไปคุยกับหน่วยงานอื่นก่อนอีกต่อไป 

ทางผู้จัดการเองได้พูดขึ้นมาว่าจะเข้าไปทำงานร่วมกันกับน้อง พร้อมให้คำแนะนำ และให้การช่วยเหลือน้องอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความมั่นใจในการทำงานของน้อง พร้อมทั้งเป็นกำลังสนับสนุนและให้กำลังใจน้องอย่างเต็มที่ 

เหตุการณ์เดียวกันนี้ หากเป็นท่าน ท่านจะตัดสินใจอย่างไร 

การตัดสินใจผิด เพียงเพราะอารมณ์ อาจก่อให้เกิดความผิดพลาดอย่างไม่คาดคิด

“การฟัง เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความยอมรับให้แก่กันและกันพร้อมเปิดโอกาสให้เกิดพลังของการทำงานร่วมกันเป็นทีม”