โดยทีมงานเอ็นเทรนนิ่ง 30 สิงหาคม 2561 2,701 0
หน้าแรก / ห้องสมุดเอ็นเทรนนิ่ง / บทความหมวด สุขภาพกับการทำงาน / ปรับเปลี่ยนกระบวนการคิด
3 ก.ย. 2561 อ่าน 2,635 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
6 ก.ย. 2561 อ่าน 3,397 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
6 ก.ย. 2561 อ่าน 6,673 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
6 ก.ย. 2561 อ่าน 2,110 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
10 ก.ย. 2561 อ่าน 7,685 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
10 ก.ย. 2561 อ่าน 2,381 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
ตอนนี้เราคงรู้ตัวกันบ้างแล้วว่าโรคต่างๆ ที่รุมเร้าเราส่วนใหญ่เป็นโรคจากการไม่เปลี่ยนพฤติกรรมของเราให้มันเข้าที่เข้าทาง เป็นโรคจากการปฏิบัติในข้อห้ามที่ไม่ควรทำต่างๆ ทั้งที่เราก็รู้ๆ กันอยู่ว่ามันไม่ดี อาทิ การไม่ออกกำลังกาย การกินอาหารขยะที่ไม่มีประโยชน์ต่างๆ ที่อุดมไปด้วยแป้งและไขมัน การดื่มเหล้าสูบบุหรี่ เป็นต้น ขอย้ำว่าที่เราปฏิบัติกันอยู่นั้น ส่วนใหญ่เรารู้กันอยู่แล้ว ว่ามันเป็นสิ่งที่ผิดจริงไหมครับ แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่ทั้งเราและคนอื่นๆ ในสังคมยังปฏิบัติกันอยู่อย่างเจนตา
ดังนั้นนอกเหนือไปจากความรู้ทางสุขภาพแล้ว เราคงต้องหาเครื่องมือตัวอื่นที่จะนำมาใช้ในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ของเราให้ไปในทางที่ถูกต้องตามสิ่งที่เรารู้ ซึ่งสิ่งที่จะมากำหนดพฤติกรรมของเราได้นั้นไม่ใช่สิ่งอื่นไกลเลย มันคือความคิดของเรานั้นเอง
ในทางหลักของจิตวิทยาได้อธิบายไว้ว่าความคิดนั้นส่งผลต่อถึงความเชื่อของเรา แล้วความเชื่อจึงไปกำหนดพฤติกรรมของเราอีกชั้นหนึ่ง ดังนั้นแม้เราจะมีฐานข้อมูลของความรู้ที่สมเหตุสมผลอยู่มากมายเท่าไหร่ แต่เราไม่ได้ให้โอกาสสมองน้อยๆ ของตัวเราได้ฝึกใช้ความคิดใคร่ควรบ่อยๆ ก่อนที่จะทำอะไรก็ตาม เราก็มักจะทำสิ่งที่ต้องการตามสัญชาติญานของเรา โดยไม่สนใจเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น สัญชาตญานของเราอาศัยความอยากและความกลัวเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งเราคงมีประสบการณ์กันมาบ้างแล้วว่าในแง่ของการปฏิบัติตัวตามหลักสุขภาพแล้ว สัญชาตญานเจ้าเล่ห์ของเรามักเลือกสิ่งที่ผิดมากกว่าถูก
เราจึงควรหันมาให้ความสนใจกับการฝึกฝนกระบวนการคิดของเราเพื่อเอาชนะสัญชาตญานเจ้าเล่ห์ของเราเองให้ได้ เพื่อจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของเราให้เป็นไปในทางที่ดี เปลี่ยนมาใช้ความคิดมากขึ้น เพื่อที่เราจะไม่ทำตามใจตัวเอง และเปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับตัวเราเอง เพื่อตัวเราเองจะมีสุขภาพที่แข็งแรง
ที่ผมต้องบอกให้คุณให้ความสำคัญกับตัวคุณเองก่อน เพราะจริงๆ แล้วไม่ใช่หน้าที่ของหมอที่จะสามารถมาเปลี่ยนแปลงคุณให้มีสุขภาพที่ดีได้อย่างเต็มที่ ถึงหมอเองจะอยากทำให้สุขภาพคนไข้อย่างคุณดีขึ้นมากกว่านี้อีกสักเพียงใดก็ตาม อย่างมากก็ได้แต่ให้ความรู้และคำแนะนำ ซึ่งบางครั้งเองเจ้าคำแนะนำเหล่านั้นก็ไม่ได้เหมาะสมกับตัวคุณเองสักเท่าไหร่ ดังนั้นคุณเองนั้นแหละต้องตระหนักเสียก่อนว่าคุณเป็นห่วงตัวเอง แล้วค้นหาวิธีที่เหมาะสมกับตัวของคุณเอง โดยใช้ความคิดตามหลักเหตุและผล คุณจำเป็นต้องดูแลสุขภาพของตัวเองเพื่อตัวคุณเอง เพื่อคนที่คุณรัก หรือจะเพื่อเป้าหมายของคุณก็ตาม
เพราะอย่างที่เราเห็นๆ อยู่ว่า วิวัฒนาการทางการรักษาไม่สามารถเอาชนะโรคเรื้อรังเหล่านี้ได้อย่างแท้จริง ตอนนี้ผมต้องขอสารภาพตรงๆ ว่าผมยังหายามาเปลี่ยนความคิดของคนไข้ไม่ได้ ถ้ามีผมอาจจะทดลองกินเป็นคนแรกก็เป็นได้ เพราะผมเองก็อยากจะดูแลสุขภาพตัวเองมานานแล้วเหมือนกัน ทว่าก็ยังทำได้ตกๆ หล่นๆ ไม่ต่างกับทุกๆ คน แต่ในเมื่อมันไม่มีจริง เราก็ต้องมาใช้วิธีการสัญชาตญานเจ้าเล่ห์ด้วยตัวของเราเอง ที่ต้องเน้นว่าด้วยตัวเราเอง เพราะตัวเราเองเท่านั้นที่จะเฝ้ามองดูพฤติกรรม ของตัวเองได้ดีที่สุด และรู้ดีที่สุดว่าสิ่งที่กำลังจะทำอยู่มันดีหรือไม่ดี พยายามช้าลงอีกนิด แล้วค่อยๆ ใช้ความคิดตัดสินใจด้วยเหตุและผล ก่อนที่เจ้าสัญชาตญานเจ้าเล่ห์จะคืบคลานมายึดตัวตนของเรา แล้วตัดสินใจแทนตัวเราเอง
หลังจากที่เราสามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการคิดของเราให้เคยชินแล้ว ในที่สุดการกระทำที่ถูกต้องเหล่านั้นมันก็จะกลายเป็นพฤติกรรมที่ถูกต้องของเรา เมื่อเรามีพฤติกรรมที่ถูกต้อง สุขภาพที่ดีก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว ตอนนี้จึงอยู่แค่ว่าเราพร้อมจะปรับเปลี่ยนความคิดของเรากันแล้วหรือยัง
3 ก.ย. 2561 อ่าน 2,635 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
6 ก.ย. 2561 อ่าน 3,397 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
6 ก.ย. 2561 อ่าน 6,673 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
6 ก.ย. 2561 อ่าน 2,110 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
10 ก.ย. 2561 อ่าน 7,685 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
10 ก.ย. 2561 อ่าน 2,381 หมวด สุขภาพกับการทำงาน
หมวด หลักสูตรเฉพาะวิทยากร (Other) อ่าน 12,064
หมวด Advance Coaching อ่าน 1,030
หมวด Coaching อ่าน 4,161
หมวด Leadership อ่าน 3,333
หมวด Leadership อ่าน 5,952
หมวด หลักสูตรเฉพาะวิทยากร (Other) อ่าน 3,131
หมวด Softskill อ่าน 3,691
หมวด หลักสูตรเฉพาะวิทยากร (Other) อ่าน 4,199