เพิ่มศักยภาพสร้างสมองคิดเชิงบวก

     คุณเป็นคนที่มีความทรงจำที่ดีมากน้อยแค่ไหนครับ แต่เชื่อว่า เราทุกคนคงไม่สามารถจดจำทุกเรื่องราวที่เราได้เห็น ได้ยิน ได้สัมผัส ในแต่ละวันได้ทั้งหมดหรอกนะครับ
เพราะไม่อย่างนั้นสมองของเราคงล้น จนไม่สามารถยัดข้อมูลอะไรลงไปได้อีกภายในระยะเวลาไม่กี่วัน

     มีการประเมินกันว่า ในเสี้ยวเวลาเพียงหนึ่งวินาที มีข้อมูลจากสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเรา วิ่งตรงเข้าสู่การรับรู้ของเราสูงถึง 2 ล้านตัวอักษร (2,000,000 bps) ลองเดาสิครับว่า สมองของเรานั้นรับเข้ามาได้จริงๆ มากน้อยแค่ไหน จากข้อมูลทั้ง 2 ล้าน สมองของเรากลับสามารถรับข้อมูลได้เพียง 134 ตัวอักษร (134 bps) เท่านั้นเอง ซึ่งถือว่าน้อยมากๆ เลย แต่ที่ต้องเป็นเช่นนี้ เพราะพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของสมองของเรามีจำกัดนั้นเอง ดังนั้นข้อมูลที่เข้ามาสู่สมองของเรา จึงมีเฉพาะข้อมูลที่เราชอบ ข้อมูลที่เราให้ความสนใจ ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัวนั้นเอง

    คำถามก็คือ แล้วทุกวันนี้ ข้อมูลแบบไหนที่เรารับเข้ามาสู่สมองของเรา     

จากวงจรพฤติกรรม แสดงให้เห็นว่า ข้อมูลที่เข้ามาจะกลายเป็นประสบการณ์ของเรา ประสบการณ์เหล่านั้นจะหล่อหลอมให้เกิดความเชื่อ ทั้งความเชื่อที่เป็นข้อจำกัด (Limiting belief) และความเชื่อที่ส่งเสริมศักยภาพ (Empowering belief) ความเชื่อทั้งสองแบบก็จะทำให้เราเกิดความคิด ซึ่งก็มีทั้งความคิดเชิงบวกและความคิดเชิงลบ (Positive and Negative thinking)

     ความคิดจะส่งผลต่อความรู้สึกของเรา ถ้าเรามีความคิดบวกต่อเรื่องนั้น เราก็รู้สึกดี เราก็จะชอบ อารมณ์เราก็จะเป็นเชิงบวก (Positive emotion) ถ้าเรามีความคิดลบ ความรู้สึกก็จะไม่ดี ไม่ชอบ กลายเป็นอารมณ์เชิงลบ (Negative emotion) แล้วอารมณ์จึงจะมาส่งผลต่อการกระทำของเรา ถ้าเราชอบ เราก็จะเข้าหา เราก็จะทำ แต่เมื่อไหร่ที่เราไม่ชอบ เราก็จะถอยห่าง หลีกเลี่ยง ไม่ลงมือทำ แล้วสุดท้าย สิ่งที่เราเลือกทำหรือไม่ทำนั้นเอง จึงจะมากำหนดผลลัพธ์ กำหนดชีวิตของเราให้เราเป็นอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

     สมองของเราจึงเป็นผลลัพธ์จากอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมของตัวเรานั้นเอง จึงไม่แปลกที่มีคนบอกว่า ถ้าจะดูใครสักคน ให้ดูจากคนที่เขาคบ และหนังสือที่เขาอ่าน หรือ เราคือค่าเฉลี่ยของคนอีก 5 คนที่เราคบหาอย่างสนิทสนม ถึงตรงนี้ ลองหันไปสำรวจคนที่เราคบหากันสักหน่อยดีไหมครับ ว่ามีใครบ้าง เราเหมือนหรือแตกต่างจากเขามากน้อยแค่ไหน นึกถึงหนังสือหรือข้อมูลจากสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต แม้กระทั่งในที่ทำงาน ส่วนใหญ่เราเลือกรับข้อมูลแบบไหน หัวข้อไหน เป็นข้อมูลเชิงบวกหรือลบมากกว่ากัน

     บางคนอาจบอกว่า แล้วถ้าคนรอบข้างไม่มีคนดีๆ ให้คบจะทำยังไง อย่างนี้เราก็ต้องกลายเป็นคนไม่ดีไปด้วยสักวันแน่ๆ ถ้าเป็นอย่างนี้ เราควรจะรีบแก้ปัญหาด่วนเลยครับ ก่อนที่เราจะถลำลึก ปล่อยให้สมองของเราลดประสิทธิภาพลงไปมากกว่านี้ ไม่ใช่แก้ที่คนรอบข้างนะครับ แต่เริ่มแก้ที่ตัวเราเองนั้นแหละ เพราะความคิดความเชื่อของเราตอนนี้กำลังทำร้ายตัวเราเองอยู่ แล้วจะแก้อย่างไร

     ลืมไปหรือยังครับว่า สมองของเรารับข้อมูลเพียง 134 bps จาก 2,000,000 bps ชี้ให้เห็นว่า ทุกวันนี้ เราไม่ได้รับข้อมูลจากสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า ด้วยข้อมูลทั้งหมด เราเลือกรับข้อมูลเพียงบางส่วนที่เราเลือกรับเท่านั้น ทุกวันนี้ คนข้างหน้าเรา ไม่ใช่คนดี ไม่ใช่คนแบบที่เราชอบ ไม่ใช่ว่าเรามองผิด แต่นั้นอาจเป็นเพียงหนึ่งในข้อเท็จจริงหลายๆ ข้อเท่านั้น สิ่งที่เราอาจลืมมองหา และรับข้อมูลเข้ามาคือ แล้วเขามีข้อดีอะไร เขามีศักยภาพอะไรบ้าง

     คนแรกที่จะเริ่มทดลองทำไม่ใช่ใคร อาจจะเป็นตัวเราเอง ถ้าเราเปลี่ยนข้อมูล 134 bps ของเรา จากมุมเดิม ไปมองจากมุมใหม่ๆ เรามองเห็นจุดแข็ง ศักยภาพซ่อนเร้นอะไรที่มีอยู่ในตัวเราบ้าง เมื่อเรามีมุมมองเชิงบวกต่อตัวเราเอง เราค้นพบอะไร อะไรจะเกิดขึ้น กับความคิดความรู้สึกของเรา และสุดท้ายการกระทำและผลลัพธ์ที่เราได้ จะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นบ้าง แล้วถ้าเราทำเช่นนี้กับคนรอบข้างของเรา เพื่อนร่วมงานของเรา เจ้านายของเรา เราทำได้ไหม ถ้าเราเลือกที่จะทำ คิดว่าตัวเราเองจะดีขึ้นอย่างไรบ้าง

     ตอนนี้ เราคิดว่า เราอยากจะใช้เจ้า 134 bps ซึ่งก็คือ การจดจ่อ (Focus) ของเรากับใคร หรือสิ่งใด แล้วเมื่อเราเลือกเปลี่ยนมุมมองแล้ว เราจะมองเห็นประสบการณ์แบบไหน สิ่งเหล่านั้น จะส่งผลต่อผลลัพธ์ ส่งผลต่อเป้าหมายของเรา ให้ดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง