โดยทีมงานเอ็นเทรนนิ่ง 22 มิถุนายน 2556 887 0
หน้าแรก / ห้องสมุดเอ็นเทรนนิ่ง / บทความร่วมเดินทางด้วยกัน / ร่วมเดินทางด้วยกัน ตอนที่ 4
24 ก.ค. 2556 อ่าน 852 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
22 ส.ค. 2556 อ่าน 1,163 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
20 ก.ย. 2556 อ่าน 988 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
22 ต.ค. 2556 อ่าน 940 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
24 ธ.ค. 2556 อ่าน 1,741 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
23 ม.ค. 2557 อ่าน 838 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
“มีใครที่กลัวความมืดบ้าง แม้เพียงแสงสลัวซักนิดก็ไม่มีเลย”
“รู้สึกกันอย่างไรบ้าง คิดกันอย่างไรบ้าง จินตนาการเห็นอะไรบ้าง เมื่อความกลัวนั้นได้มาสัมผัสถึงตัวคุณแล้ว”
คำถามเหล่านี้ คุณเคยถามกับตนเองบ้างไหมและทำไมคุณถึงกลัว กลัวเพราะอะไร จะทำอย่างไรไม่ให้กลัวอีกต่อไปและความกลัวที่คุณกลัวอยู่นั้น มันใช่สิ่งที่คุณกลัวจริงๆหรือกลัวเพราะคุณตั้งกฎแห่งความกลัวนั้นขึ้นมาให้ตัวคุณกลัวเอง
นี่เป็นการโค้ชคำถามให้กับตนเอง เพื่อค้นหาคำตอบของคำถามที่เกิดขึ้น แล้วผมก็ได้พบว่า จริงๆแล้ว ความกลัวไม่ใช่สาระสำคัญอะไรนัก เพราะความกลัวสามารถแก้ไขได้ ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปนัก แต่สิ่งที่ทำให้เกิดความกลัวขึ้นในสิ่งๆนั้น เรื่องนั้นๆ ก็คือ การที่ตัวของเราเองได้ตั้งกฎแห่งความกลัวนั้นขึ้นมาโดยอาจจะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตามและการที่คนเรานั้นมีความกลัวก็อาจจะมีสาเหตุมาได้จากหลายทาง เช่น จากตนเอง จากผู้อื่น จากการสืบทอดบางวัฒนธรรม เป็นต้น
ความกลัวที่มาจากตนเอง อาจจะมาจากประสบการณ์ที่ไม่ดีบ้าง หรือเห็นจากผู้อื่นทำผิดพลาดบ้าง
ความกลัวที่มาจากผู้อื่น อาจจะมาจากการบอกเล่าที่บิดเบือนบ้าง หรือปฏิบัติให้ดูอย่างผิดๆบ้าง
ความกลัวที่สืบทอดมาจากบางวัฒนธรรม อาจจะมาจากการสืบทอดการรับรู้ที่ผิดๆจากรุ่นสู่รุ่นบ้าง หรือการสอนสั่งที่รู้ไม่จริงบ้าง
เหล่านี้เป็นเหตุให้การรับรู้ของเรารู้สึกถึงความน่ากลัวในสิ่งๆนั้น เรื่องนั้นๆขึ้นมา และเมื่อกฎนี้ได้ถูกตั้งขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะตัวของเราเองนั่นแหละที่เป็นผู้ตั้งกฎแห่งความกลัวนี้ขึ้น ความกลัวก็จะเป็นกระบวนการในลำดับถัดไปจากกฎที่เราได้ตั้งขึ้น หากเราจะละจากความกลัวในสิ่งๆนั้น เรื่องนั้นๆ ได้อย่างสมบูรณ์ จำเป็นที่จะต้องยกเลิกกฎที่ตัวของเราได้ตั้งขึ้นมาเสียก่อน ซึ่งการยกเลิกกฎที่ตัวเราตั้งขึ้นมานั้น มันยากกว่าการเลิกกลัวในสิ่งๆนั้น เรื่องนั้นๆเสียอีก เพราะความกลัวเป็นเพียงแค่ปลายเหตุเท่านั้นเอง
ซึ่งตัวผมเองหาวิธีต่างๆ มากมายที่จะไม่ให้กลัวในสิ่งๆนั้น เรื่องนั้นๆ แต่สุดท้ายความกลัวที่คิดว่ามันได้หายไปจากตัวผมเองแล้ว ก็กลับโผล่ขึ้นมาอีก เหมือนเชื้อที่เราแค่เพียงใช้ยาระงับมันไว้ ไม่ได้ไปแก้ที่ต้นเหตุของเชื้อนั้น และท้ายสุดเชื้อนั้นก็จะกลับแสดงอาการขึ้นมาอีก การกลัวในความมืดมิด การกลัวในที่แคบ การกลัวสัตว์บางชนิด การกลัวคนบางคน การกลัวบนที่สูง และการกลัวในเรื่องต่างๆอีกมากมายที่เป็นอุปสรรคให้เราหยุดอยู่กับที่ อาจทำให้เราเดินได้ช้าลง และอาจทำให้เราพัฒนาศักยภาพได้ไม่เต็มขีดความสามารถ
การโค้ชคำถามถัดมาก็คือ “แล้วเราจะยกเลิกกฎที่เราตั้งขึ้นมานั้นได้อย่างไร”
คุณกลัวความมืดเพราะอะไร เพราะมันทำให้คุณมองไม่เห็นอะไรเลย หรือมันทำให้คุณอาจเห็นผีก็เป็นได้ นั่นแหละครับ คุณได้ตั้งกฎขึ้นมาแล้วว่า
“ความมืดทำให้คุณมองไม่เห็น หรืออาจทำให้คุณเห็นผี” สิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำให้สำเร็จก็คือ การยกเลิกกฎที่ว่า ความมืดทำให้คุณมองไม่เห็น การยกเลิกกฎก็คือ “มันก็แค่มองไม่เห็นเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพราะมันมืด ไม่เห็นจะมีอะไรที่เราจะต้องตื่นเต้นตกอกตกใจเลยนี่”
ความมืดทำให้คุณอาจเห็นผี การยกเลิกกฎก็คือ “ในเมื่อมองอะไรก็ไม่เห็นแล้ว หากผีมีจริง เราก็คงจะไม่เห็นหรอก เพราะมันมืด”
อีกตัวอย่างที่ผมอยากยกมาให้พิจารณาก็คือถ้าคุณกลัวความสูง แล้วถ้าผมให้คุณยืนบนโต๊ะที่มีพื้นที่กว้าง1 ตรม.และความสูงจากพื้น 1 ม. “คุณสามารถยืนได้ไหม”
ผมเชื่อแน่ว่าคุณทำได้และไม่กลัวที่จะตกลงมาจากโต๊ะตัวนี้อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากผมให้คุณยืนอยู่บนโต๊ะที่มีพื้นที่กว้าง1 ตรม.และมีความสูงจากพื้น 10 ม. “คุณยังจะสามารถยืนอยู่ได้ไหม”
24 ก.ค. 2556 อ่าน 852 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
22 ส.ค. 2556 อ่าน 1,163 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
20 ก.ย. 2556 อ่าน 988 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
22 ต.ค. 2556 อ่าน 940 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
24 ธ.ค. 2556 อ่าน 1,741 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
23 ม.ค. 2557 อ่าน 838 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
หมวด Coaching อ่าน 5,213
หมวด Coaching อ่าน 4,561
หมวด Train The Trainer อ่าน 4,553
หมวด Coaching อ่าน 3,078
หมวด Coaching อ่าน 3,148
หมวด Coaching อ่าน 2,919
หมวด Coaching อ่าน 3,416
หมวด Softskill อ่าน 4,621