หน้าแรก / รวมหลักสูตรฝึกอบรม / หมวดทั่วไป (Other) / หลักสูตรฝึกอบรม ศาสตร์แห่งความสำเร็จ NLP (NLP)
(NLP โค้ช และ เทรนเนอร์)
ติดต่อสอบถาม
093-649-3561 / 084-164-2057 (HOTLINE)
asst.entraining@gmail.com, cocoachentraining@gmail.com
หลักการ/แนวความคิด NLP = Neuro Linguistic Programming
ศาสตร์การเรียนรู้การทำงาน/กลไก ของสมอง/ ความคิด เพื่อนำไปสู่การเข้าใจและปรับเปลี่ยน ความคิดและพฤติกรรมไปสู่สิ่งที่ต้องการ / ความสำเร็จ
นิสัย หรือ พฤติกรรม ที่มีอยู่ในปัจจุบัน มากจาก การถูกโปรแกรม (สั่งสอน เรียนรู้) มาจากอดีต จึงทำให้มีการสื่อสารกับตนเองในรูปแบบที่ตายตัว และ ส่งผลให้มีนิสัย หรือ พฤติกรรมที่เป็นรูปแบบที่ตายตัว ที่ไม่พึงปรารถนา และ ไม่สามารถที่จะออกมาจากนิสัยนี้ได้
NLP จะทำให้สามารถ โปรแกรม (ป้อนความคิดใหม่) ให้สมอง ด้วยภาษา เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรม ไปสู่พฤติกรรมที่ต้องการ ซึ่งส่งผลให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเวลาที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
วัตถุประสงค์ของหลักสูตร เพื่อคนที่สนใจ พัฒนาตัวเอง ให้สามารถเข้าใจตนเองมากขึ้น พาตนเองออกจากนิสัยที่ไม่ต้องการ ไปสู่นิสัยของผู้สำเร็จ และ มีแนวทางที่มีประโยชน์ในการดำเนินชีวิตต่อไปอย่างชัดเจน รู้หลักของทางลัดสู่ เป้าหมายของตนเอง และ ผู้อื่น
เพื่อคนที่เป็น นักธุรกิจ เจ้าของธุรกิจ เข้าใจพนักงาน คู่ค้าทางธุรกิจ ลูกค้า มากขึ้น ว่าอะไรที่ทำให้เขา หรือ เธอ เป็นอย่างที่เป็น และ ต้องทำอย่างไร ถึงจะ ชักจูง หว่านล้อม ให้เดินไปในทิศทางเดียวกันได้
เพื่อคนที่สนใจ เป็น ผู้ฝึกอบรม หรือ โค้ช ได้เรียนรู้ วิธี หรือ เทคนิค ที่สามารถ ช่วยคนให้หลุดออกจาก
ปัญหาชีวิตที่ประสบอยู่ หรือ ช่วยโค้ช ผู้บริหารบริษัท ให้บรรลุเป้าหมายทางด้านการงาน การเงิน และ ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ถาวร ในระดับ จิตสำนึก และ จิตใต้สำนึก
รายละเอียดเนื้อหาตามหลักสูตร
วันที่ 1
1) NLP Model of Communication โมเดลการสื่อสารของ NLP
เข้าใจกลไก การทำงาน ของความคิด และ อารมณ์
ยอมรับ และ เข้าใจ ความแตกต่างของผู้อื่น สร้างความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
เรียนรู้ทักษะการหว่านล้อมผู้อื่น ที่มีบุคลิกภาพแตกต่างกัน
มีความฉลาดทางอารมณ์สูงขึ้น จากการเข้าใจตนเอง และ ผู้อื่น
2) Peak State พลังงานที่สูง
ลงมือทำงานทันทีด้วยพลังงานที่สูง
กระตุ้น และ สร้างแรงบันดาลใจให้ตนเอง และ ผู้อื่น
เพิ่มทักษะในการอยู่ปัจจุบัน และ ความกระตือรือร้น ตั้งใจฟังคู่สนทนามากขึ้น
3) Cause & Effect แนวคิดแบบผู้ชนะ
สร้างแนวความคิดที่สร้างพลัง ด้วยการรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของตนเอง และ ไม่กล่าวโทษผู้อื่น
ความรับผิดชอบในตนเอง นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว และ ทรงพลัง
การตัดสินใจที่สร้างพลัง
4) Sensory Acuity ความเฉียบคมในการสังเกต
มีความตื่นตัวในสังเกตการเปลี่ยนแปลงทางความคิด อารมณ์ และ ร่างกายของตนเอง และ ผู้อื่น
เพื่อที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการในการสื่อสารกับผู้อื่นให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เพื่อทราบจังหวะและโอกาสที่เหมาะสมในการเข้าสู่การหว่านล้อมผู้อื่น
5) Rapport มิตรภาพ ความซี้ปึ๊ก
สร้างความไว้วางใจ และ ความสัมพันธ์ (กับทีมงาน และ ลูกค้า)
การหว่านล้อมด้วยการใช้ภาษากาย
การกระตุ้นหว่านล้อมผู้อื่นในระดับขั้นจิตใต้สำนึก
6) Agreement Frame ภาษารักษามิตรภาพ ความซี้ปึ๊ก
ป้องกัน และ ยุติปัญหาขัดแย้ง
รักษาความไว้วางใจ และ นับถือ เพื่อการหว่านล้อมชักจูงในขั้นสูง
การแก้ปัญหา
วันที่ 2
1) 4 Steps of Learning 4 ขั้นตอนของการเรียนรู้
เข้าใจธรรมชาติของ 4 ขั้นตอนการเรียนรู้ของมนุษย์ เพื่อป้องกันการตกหลุมพลางทางความคิด เช่น ความหงุดหงิดไม่พอใจกับการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ, ล้มเลิกการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆก่อนที่มีความเชี่ยวชาญในทักษะนั้นๆ
ใช้ประโยชน์จากความเข้าใจธรรมชาตินี้ เพื่อย่นระยะเวลาของกระบวนการ การเรียนรู้
เพื่อช่วยผู้อื่นแก้ปัญหา หรือ ข้อจำกัด ที่เกิดจากการไม่เข้าใจธรรมชาติการเรียนรู้นี้
2) Perceptual Position การมอง 3 มุม
การเปลี่ยนมุมมอง เพิ่มความเข้าใจผู้อื่น และ ลดอารมณ์ทางด้านลบ
ยุติความขัดแย้ง
3) NLP Presupposition แก่นความเชื่อ NLP
เป็นแก่นความเชื่อของผู้สำเร็จ เกี่ยวกับ พฤติกรรมมนุษย์
เป็นมุมมองที่ทรงพลังเพื่อความสำเร็จ และ ความสุข
โมเดลลิ่ง(เลียนแบบ)ความเชื่อของผู้สำเร็จ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว
4) Ultimate Success Formula สูตรความสำเร็จทุกเป้าหมาย
การระดมความคิดเพื่อหาวีธีการในการบรรลุเป้าหมาย
การลงรายละเอียด การจัดลำดับความสำคัญของงาน และ ชีวิต
การวางแผนการลงมือทำอย่างต่อเนื่องจนสำเร็จ
วันที่ 3
1) Conscious Use of Language การใช้ภาษาอย่างมีสติ
เรียนรู้ว่าการใช้ภาษาอย่างมีสติ สร้างผลลัพธ์ที่ดีอย่างมากให้กับชีวิตได้อย่างไร
เพื่อใช้ในการชักจูงหว่านล้อมผู้อื่นด้วยรูปแบบภาษาที่มีประสิทธิภาพ
สร้างทักษะของการเป็นผู้นำ และ สร้างแรงกระตุ้นให้ทีมงาน
2) Chunking ทักษะในการพูด/คิด ภาพใหญ่ ภาพเล็ก และ ความคิดสร้างสรรค์
วิธีการในการพูดถึงภาพใหญ่และลงมาสู่ภาพเล็ก ปลีกย่อย และ ความคิดสร้างสรรค์
เพื่อสร้างความเห็นด้วยจากการพูดถึงภาพใหญ่
เพื่อการมีสติกับรายละเอียด ปลีกย่อย
3) Milton Model รูปแบบภาษาสะกดจิต มิลตั้น โมเดล
รูปแบบภาษาในการชักจูงหว่านล้อมให้คล้อยตามในระดับจิตใต้สำนึก
เพื่อฝังคำสั่งทางด้านบวกให้แก่คู่สนทนา
4) Meta Model รูปแบบภาษาเพื่อค้นหาความจริงของปัญหา เมทตะ โมเดล
รูปแบบภาษาในการค้นหาต้นตอของปัญหา เพื่อสร้างความกระจ่างและความชัดเจนของต้นเหตุของปัญหา
เพื่อขจัดการเหมารวม หรือ ด่วนสรุป และ มีความคิดที่ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น
5) Metaphor ทักษะการเล่าเรื่อง
การนำสิ่งที่ต้องการสื่อสารมาเปลี่ยนเป็นเรื่องเล่าเพื่อให้ผู้ฟังเห็นภาพและมีความเข้าใจได้ง่ายขึ้น
ช่วยในการข้ามผ่านแรงต่อต้านจากจิตสำนึกของผู้ฟัง
มีคำสั่งแฝงที่ทรงพลังต่อการเปลี่ยนแปลง
เป็นการให้คำแนะนำทางอ้อม
วันที่ 4
1) Reframe การเปลี่ยนกรอบความคิด
การตีความหมายใหม่กับเหตุการณ์ที่เป็นลบ หรือ ไม่พึงประสงค์ ให้เป็นความหมายใหม่ที่เพิ่มพลัง
เพื่อค้นหาการเรียนรู้ทางด้านบวกที่แฝงอยู่ในเหตุการณ์ที่เป็นลบ และ ใช้ประโยชน์กับความหมายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์เพื่อเปลี่ยนชีวิตให้เดินสู่เป้าหมายที่ต้องการมากยิ่งขึ้น
2) Modality พลังของประสาทสัมผัสทั้ง 5
เรียนรู้การใช้พลังของประสาทสัมผัสทั้ง 5 เพื่อให้เข้าใจตนเองมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการเรียนรู้สิ่งต่างๆได้รวดเร็วขึ้น ทำให้ทำงานหรือสิ่งที่ต้องการทำสำเร็จง่ายดายยิ่งขึ้น เพราะเกิดการใช้ประโยชน์จากประสาทสัมผัสที่ตนเองถนัดได้มากขึ้น
เพื่อเข้าใจคนอื่นได้ลึกซึ่งยิ่งขึ้น ว่ามนุษย์ถนัดในการใช้ประสาทสัมผัสไม่เหมือนกัน และ ปรับตนเองให้สอดคล้องกับประสาทสัมผัสของคนที่สนทนา ส่งผลให้มีพลังในการชักจูงหว่านล้อมที่สูงขึ้น
3) Eye Pattern การเคลื่อนไหวดวงตา
ทักษะการอ่านการเคลื่อนไหวของดวงตา เพื่อทราบว่าคู่สนทนาคิดอย่างไร ตามประสาทสัมผัสที่ใช้อยู่ในขณะนั้น เช่น คิดเป็นภาพ เสียง ความรู้สึก หรือ เป็นเหตุเป็นผล
เมื่อทราบว่าคู่สนทนาคิดโดยใช้ประสาทสัมผัสใดอยู่ ก็สามารถปรับตัวเองให้สอดคล้องกับประสาทสัมผัสที่คู่สนทนาใช้อยู่ เพื่อความเป็นมิตร เป็นพรรคพวก ส่งผลให้คู่สนทนาเปิดใจในการรับฟังมากขึ้น
เพิ่มพลังในการชักจูงหว่านล้อม
4) Submodality พลังคุณลักษณะย่อย ของประสาทสัมผัสทั้ง 5
เรียนรู้วิธีในการปรับเปลี่ยน คุณลักษณะย่อยของประสาทสัมผัสทั้ง 5 เพื่อเปลี่ยนนิสัยที่ไม่พึงปรารถนา ให้เป็นนิสัยที่ พึงปรารถนา เช่น ต้องการเลิกรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
วันที่ 5
1) Swish Pattern การสับรางพฤติกรรม
เรียนรู้วิธีการเปลี่ยน คุณลักษณะของประสาทสัมผัสทั้ง 5 เพื่อเปลี่ยนรูปแบบพฤติกรรมที่ตายตัวที่ไม่ต้องการ ให้เป็นรูปแบบพฤติกรรมใหม่ที่ต้องการ อย่างรวดเร็วในระดับจิตใต้สำนึก
2) Anchoring การฝังชิพอารมณ์บวก
เรียนรู้เทคนิคการฝังอารมณ์ทางด้านบวกไว้บนตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจงบนล่างกาย เพื่อสามารถเรียกอารมณ์ทางด้านบวกกลับมาทันทีตามที่ต้องการ
เพื่อดึงอารมณ์ทางด้านบวกในอดีตให้กลับมาสู่ปัจจุบัน และนำมาใช้กับเหตุการณ์ที่ต้องการ
3) Collapsing Anchor การขจัดอารมณ์ทางด้านลบที่ฝังอยู่ในใจ
เรียนรู้เทคนิคในการขจัดอารมณ์ทางด้านลบที่ฝังอยู่ในใจมานานออกไป ด้วยอารมณ์บวกที่ มาจากการใช้เทคนิค การฝังชิพอารมณ์ทางด้านบวก
ขจัดอารมณ์ที่เป็นตัวฉุดรั้งไม่ให้มีปฎิสัมพันธ์ที่ดีกับตนเอง หรือ ผู้อื่น ส่งผลให้มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับตนเอง และ ผู้อื่น
4) Parts Integration การผสานความต่างในตนเอง
เรียนรู้เทคนิคในการขจัดความขัดแย้งในตนเอง โดยการทำให้ จิตสำนึก และ จิตใต้สำนึก รวมตัวกัน และ มุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกัน
ทำให้ทราบถึง จุดประสงค์สูงสุด ของเป้าหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน
วันที่ 6 Time Line Therapy
การย้อนอดีตเพื่อแก้ปมในชีวิต
เรียนรู้เทคนิคในการย้อนอดีตเพื่อแก้ปมในชีวิต ด้วยการค้นพบการเรียนรู้ทางด้านบวกในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต
นำเทคนิคไปใช้เพื่อช่วยให้ คนที่รับการโค้ช ขจัดอุปสรรคที่ขัดขวางความสำเร็จของชีวิตส่งผลให้มีกำลังใจ และ พลัง เพิ่มมากขึ้นในการเดินหน้าต่อไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ
การเรียนรู้ VDO ด้วยระบบ Learning Management Platform (LMP)
การเรียนรู้ภายใน Classroom ด้วยบวนการ Adult learning
กระบวนการทำ Group Coaching / Show & Share
กระบวนการโค้ช (Coaching) ที่ประเด็นสำคัญของบุคคล
การนำเสนอโครงการเพื่อนำไปปฏิบัติในสถานการณ์จริง
การนำความรู้สู่การปฏิบัติที่ชัดเจน และการสรุปผลลัพธ์ของการฝึกอบรม