เทคนิคการจัดการอารมณ์เชิงลบ : อาการ โกรธ

     สาเหตุ
      โมโหสิ่งที่เกิดขึ้น
      ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้
      รู้สึกว่าคนอื่นผิดร้ายแรง

    ปรับแนวความคิดใหม่
      เรียกความเชื่อมั่นของตัวเองกลับมา

คนที่เกิดอารมณ์โกรธ คือคนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ จึงได้แสดงอาการโมโห ไม่พอใจออกไป ไม่ว่าจะเป็นทางสีหน้า ท่าทางหรือคำพูดก็ตาม เนื่องจากแนวความคิดของคนโกรธ คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา เป็นเรื่องร้ายแรงที่คนอื่นทำให้เกิดขึ้น เราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเลย ความโกรธเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะหายยาก ถ้าเรายังคงต้องการคำตอบจากสถานการณ์หรือบุคคลที่เรากำลังโกรธอยู่ ยิ่งจดจ่อหรือโต้ตอบมากเท่าไร เราก็จะยิ่งโกรธเพิ่มขึ้น จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

ขั้นตอนการเกิดความโกรธ
การปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้น
 ความไม่พอใจสถานการณ์หรือบุคคล
การโทษผู้อื่น
 แสดงอาการโกรธเพื่อให้ผู้อื่นยอมรับ

ขั้นตอนคายความโกรธ
 ความรู้สึกผิดกับเหตุการณ์หรือบุคคล
 การยอมรับผิดชอบด้วยตัวเอง
การเปลี่ยนมุมมองในเชิงบวก
การปรับตัวโดยการมุ่งสู่เป้าหมายใหม่

ถ้าเราเข้าใจขั้นตอนการเกิดความโกรธและขั้นตอนการคายความโกรธ ก็จะทำให้เราสามารถจัดการกับอารมณ์โกรธได้ง่ายขึ้น โดยพยายามไม่ให้อารมณ์โกรธเพิ่มขึ้นจนถึงจุดเดือด แต่จะค่อยๆ เรียกความเชื่อมั่นในตัวเองกลับมา โดยการยอมรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามันเกิดขึ้นไปแล้ว เราคงแก้ไขอะไรไม่ได้ และยอมรับผิดชอบด้วยตัวเอง เพื่อหาทางแก้ไขไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น โดยการปรับเปลี่ยนมุมมองเชิงบวกกับเหตุการณ์ หรือบุคคลนั้นเสียหาย แล้วก็เริ่มต้นลงมือทำในสิ่งที่จะมุ่งสู่เป้าหมาย ปล่อยให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงอดีตไป

การเรียกความเชื่อมั่นสามารถทำได้โดย
 มองข้อดีของตัวเอง
 นึกถึงสิ่งที่เราเคยทำได้สำเร็จในอดีต
 มองเป้าหมายที่จะก้าวต่อไปในอนาค

เช่น....
เราตกงานกะทันหัน : แทนที่จะโกรธ โทษโน่น โทษนี่ เราก็คิดว่าเรามีความสามารถในเรื่องอะไรบ้าง และนี่คงเป็นโอกาสให้เราค้นพบงานที่เหมาะสมกับเราก็ได้ ตั้งเป้าหมายแล้วเดินทางต่อไป

รถคันหลังมาชนท้ายรถของเรา : แทนที่จะโกรธว่า ทำไมคันหลังไม่ดูให้ดี ก็คิดเสียว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ ควรให้เขารีบโทรหาประกันจะได้เคลื่อนย้ายรถ แล้วรีบไปทำธุระของเราต่อไปจะดีเสียกว่าที่จะโมโห

เมื่อเราเชื่อมั่นในตัวเองและมีสติ ก็จะทำให้เราโกรธน้อยลง หรือโกรธแล้วหายเร็วขึ้น อย่าโทษคนอื่นเลย ไม่มีประโยชน์หรอกครับ หาทางแก้ไขดีกว่า