หน้าแรก / ผลงานฝึกอบรม / ผลงานฝึกอบรม - สร้างจิตสำนึกคุณภาพ (Quality Mindset Awareness)
โดยทีมงานเอ็นเทรนนิ่ง 30 มีนาคม 2566 426 0
(Strategic and Management Coaching & Consulting / Professional Trainer)
ติดต่อสอบถาม
086-303-6747 / 091-770-3350 / 091-770-3354 (HOTLINE)
asst.entraining@gmail.com, cocoachentraining@gmail.com
วันที่ 23-24 มีนาคมมีโอกาสไปบรรยายหลักสูตร สร้างจิตสำนึกคุณภาพ (Quality Mindset Awareness) สำหรับสายงาน IT ให้กับน้องๆชาวพีทีทีดิจิตอล ที่จ.ระยอง
บรรยากาศความสนุกไม่แพ้รุ่นที่จัดที่กทม. ทั้งการแลกเปลี่ยนแนวคิด การนำเสนอ การถาม-ตอบประเด็นสงสัยต่างๆ
เป็นสองวันที่ช่วนกันแกะ ช่วยกันถอด Mindset กันสนุกสนาน
โปรแกรมนี้ทำให้ผมได้ตระหนักถึงกระบวนการสร้างกรอบความคิด (Mindset) ในเรื่องต่างๆมากขึ้น
เราต่างมี Mindset ที่เป็นความเชื่อ ประสบการณ์ กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่ซึ่งมันฝังจนกลายเป็นโหมด Auto Pilot ในการตัดสินใจเรื่องนั้นๆ
การจะปรับเปลี่ยน Mindset ที่ฝังแน่นไปแล้วนั้นต้องเริ่มที่การสร้างการตระหนักรู้ (Awareness) ถึงพฤติกรรมต่างๆเพื่อค้นหาที่มา สาเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้เราตัดสินใจด้วย Auto Pilot แบบนั้น รวมถึง Trigger ที่มากระตุ้น เพื่อเข้าใจรูปแบบพฤติกรรมนั้นๆ
ยกตัวอย่างเช่น
หากเราขับรถแล้วพบว่าสัญญาณไฟข้างหน้ากำลังเป็นไฟเหลือง ซึ่งตามหลักสากลแล้วเราต้องทำการชะลอเพื่อเตรียมหยุดรถ
แต่หลายคนมักจะใช้สัญญาณไฟเหลืองเป็นตัวกระตุ้นให้เร่งเหยียบคนเร่งผ่านแยกนั้นไปให้ทันเพื่อจะได้ไม่ต้องเปลืองเวลาและพลังงานในการจอดรออีกหนึ่งรอบไฟแดง
โดยที่ความเชื่อเราตอนนั้นคือ คงไม่มีรถอีกฝั่งที่รีบออกก่อนสัญญาณของเขาแล้วมาชนเรา
นั่นคือเรากำลังมองในมุมของ "Best Case Scenario" จึงเลือก Take risk
เราให้ความสำคัญที่ Time (เวลา) > Safety (ความปลอดภัย) ซึ่ง Worst Case Scenario ของกรณีนี้คือ มีรถจากอีกฝั่งรีบออกก่อนสัญญาณเขียวของเราแล้วมาชนเรา !!!
เพียงแต่เราอาจจะโชคดีที่ Worst case มันยังไม่เคยเกิดขึ้น
แต่หากเราไม่อยาก Take risk นี้อีกแล้ว เพราะคิดถึงผลกระทบที่อาจเกิดตามมาหากเจอ Worst case
นั่นคือ เรากำลังให้ความสำคัญที่ Safety > Time โดยเรากำลังสร้างโปรแกรมสมองว่า "เมื่อเจอไฟเหลืองฉันจะชะลอ" ก็เท่ากับเรากำลังโปรแกรมโหมด Auto Pilot ใหม่
กระบวนการนี้เราน่าจะพอเรียกว่า สร้างจิตสำนึกความปลอดภัย ( Safety Awareness )
การสร้างจิตสำนึกคุณภาพ ( Quality Awareness ) ก็มีหลักการเดียวกันคือ เราต้องมองทั้ง Best case และ Worst case ของการที่เราเลือก Time หรือ Cost ก่อน Quality เพื่อประเมินว่าผลกระทบมันแตกต่างกันขนาดไหน
แล้วหาจุดที่ทำให้เราตัดสินใจเลือก Quality มาเป็นอีกพารามิเตอร์ในการตัดสินใจเพื่อให้มี Solution ที่ดีที่สุด ลด bug ลด Issued หรือ Incedent ที่ตามมา แม้อาจจะมีข้อจำกัดทั้งด้านราคาและเวลา
รวมถึงการให้ความสำคัญกับการเก็บ Requirement ให้ใกล้เคียงกับ insight ของลูกค้ามากที่สุด
เพื่อจะได้ไม่ต้องกลับมาแก้ไขงานหลังจาก Go live แล้ว