โดยทีมงานเอ็นเทรนนิ่ง 22 เมษายน 2556 1,415 0
หน้าแรก / ห้องสมุดเอ็นเทรนนิ่ง / บทความร่วมเดินทางด้วยกัน / ร่วมเดินทางด้วยกัน ตอนที่ 2
22 พ.ค. 2556 อ่าน 1,560 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
22 มิ.ย. 2556 อ่าน 895 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
24 ก.ค. 2556 อ่าน 856 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
22 ส.ค. 2556 อ่าน 1,168 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
20 ก.ย. 2556 อ่าน 995 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
22 ต.ค. 2556 อ่าน 948 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
มีหลายต่อหลายครั้งที่ผมเคยลองมองดูตัวเอง ว่าทำไมเราถึงทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ได้เป็นผลสำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง แต่จะหนักไปทางที่ทำแล้วไม่ค่อยจะสำเร็จซักเท่าไหร่ ทุกครั้งที่มองดูตัวเองก็เหมือนจะเข้าใจบ้างและไม่เข้าใจบ้าง รู้สึกสับสนในตัวเองอยู่ไม่น้อย และมันก็เป็นอาการของคนที่ไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหน แบบไหนที่เรียกว่าถูก แบบไหนที่เรียกว่าผิด แบบไหนที่พอจะผ่านไปได้หรือไม่ได้ เหมือนคนหลงทางที่จับต้นชนปลายไม่ถูก การทำงานของตัวเองจึงเป็นการทำงานที่ผ่านไปวันๆ ทั้งที่มีการวางแผนกันเป็นอย่างดีก็ตาม ไม่มีไครมาแนะแนวทางเหมาะสมให้ หรือถ้ามี ณ ตอนนั้น ผมเองก็คงจะฟังแล้วไม่รู้เรื่อง อาจจะด้วยเหตุผลหลากหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นด้วยเรื่องของประสบการณ์ วุฒิภาวะ สภาวะกดดันจากเรื่องงาน เหตุการณ์รอบตัว ฯลฯ มีท่านใดเคยเป็นอย่างที่ผมเคยเป็นอยู่บ้างไหมครับ
วันหนึ่ง ขณะที่ผมนั่งอยู่ที่บ้าน ผมเริ่มปิดไฟทุกห้องที่ผมเข้าไปใช้ทำธุรกรรมต่างๆ ผมลดการเปิดใช้สวิทช์ไฟ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องน้ำ ทางเดินขึ้นลงบันได สิ่งแรกที่เกิดขึ้นกับตัวเองก็คือ มันมืด รู้สึกถึงความไม่สะดวกในการหยิบจับสิ่งของต่างๆ ขาดความคล่องตัว การเคลื่อนไหวไม่สะดวกคล่องตัว เชื่องช้า เดินชนโน่นนี่นั่นอยู่ตลอด ฯลฯ ทำไมผมถึงต้องปิดไฟ มันช่วยสอนอะไร และมีคำถามหนึ่งเกิดขึ้นกับผมก่อนหน้านั้นว่า “จำเป็นแค่ไหนที่เราจะต้องมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ตลอด” หากไม่ใช่เวลานอนที่เราต้องหลับตาลง คำถามนี้เกิดขึ้นกับผมในทันทีที่เริ่มมองดูตัวเอง การมองดูตัวเอง ไม่ใช่การก้มหน้าลงใช้ตามองดูตัวเอง แบบนั้นคงจะเร็วเกินไปที่จะมองเห็น และที่สำคัญ จะมองเห็นแต่เพียงภายนอกของตัวเองเท่านั้น ไม่อาจมองเห็นได้ถึงภายใน เพราะความเป็นจริงเราก็มองดูตัวเองกันอยู่ทุกวันอยู่แล้ว
การที่เรามองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวอยู่ตลอด มันย่อมเป็นสิ่งที่ควร เป็นสิ่งที่ใครๆก็ทำ เราสามารถหยิบจับทำสิ่งต่างๆได้อย่างสะดวกคล่องตัว แต่ในเมื่อคำถาม “จำเป็นแค่ไหนที่เราจะต้องมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ตลอด” นี้เกิดขึ้น สิ่งที่ได้คือ ผมเริ่มกลับมาทบทวนตัวเองใหม่ “เรามองเห็นในสิ่งที่เราเห็น แล้วสิ่งเหล่านั้น มันใช่สิ่งที่เราเห็นจริงหรือเปล่า” ผมถามย้ำกับตัวเองอีก และแน่นอนครับ ผมนำคำถามเหล่านี้มาพิจารณากับชีวิตของผมทันที แต่ก็ยังไม่ง่ายที่จะเข้าใจหรอกครับ เพราะกระบวนการนี้ผมใช้เวลากว่าสามปีถึงจะเข้าใจในเบื้องต้น และใช้เวลาอีกหนึ่งปีหลังจากนั้นที่จะอัพเกรดความเข้าใจในเรื่องนี้ของผมต่อไปอีก ถ้าอย่างนั้นผมมองเห็นอะไร แล้วพบกับผมได้ในตอนต่อไปครับ
22 พ.ค. 2556 อ่าน 1,560 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
22 มิ.ย. 2556 อ่าน 895 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
24 ก.ค. 2556 อ่าน 856 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
22 ส.ค. 2556 อ่าน 1,168 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
20 ก.ย. 2556 อ่าน 995 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
22 ต.ค. 2556 อ่าน 948 หมวด ร่วมเดินทางด้วยกัน
หมวด Management and Productivity อ่าน 7,669
หมวด Management and Productivity อ่าน 10,855
หมวด Management and Productivity อ่าน 23,736
หมวด Sales and Marketing อ่าน 7,412
หมวด Management and Productivity อ่าน 8,119
หมวด Management and Productivity อ่าน 21,532
หมวด หลักสูตรเฉพาะวิทยากร (Other) อ่าน 6,957
หมวด หลักสูตรเฉพาะวิทยากร (Other) อ่าน 2,354